Citizenship and Immigration Services (March 18, 2013). Learn about the United States: Quick Civics Lessons for the Naturalization Test. Government Printing Office. ISBN 978-0-16-091708-0. Bryon Giddens-White (July 1, 2005). The Supreme Court and the Judicial Branch. Heinemann Library. ISBN 978-1-4034-6608-2.
3 ล้านคนถูกกักขัง คิดเป็นกว่า 1 คนในผู้ใหญ่ 100 คน[396] ในเดือนธันวาคม 2012 ระบบการดัดสันดานผู้ใหญ่ของสหรัฐรวมควบคุมดูแลผู้กระทำผิดประมาณ 6, 937, 000 คน ผู้อยู่อาศัยผู้ใหญ่ประมาณ 1 ใน 35 คนในสหรัฐอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลการดัดสันดานอย่างใดอย่างหนึ่งในเดือนธันวาคม 2012 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดเท่าที่สังเกตมาตั้งแต่ปี 1997[397] ประชากรเรือนจำเพิ่มขึ้นสี่เท่าตั้งแต่ปี 1980[398] และรายจ่ายของรัฐและท้องถิ่นด้านเรือนจำและคุกเพิ่มขึ้นสามเท่าของรายข่ายด้านศึกษาธิการในช่วงเวลาเดียวกัน[399] อย่างไรก็ดี อัตราการจำคุกสำหรับนักโทษทุกคนที่ได้รับโทษจำคุกมากกว่าหนึ่งปีในสถานที่ของรัฐหรือรัฐบาลกลางอยู่ที่ 478 คนต่อ 100, 000 คนในปี 2013[400] และอัตรานักโทษก่อนพิจารณา/ระหว่างพิจรารณาอยู่ที่ 153 คนต่อผู้อยู่อาศัย 100, 000 คนในปี 2012[401] อัตราการกักขังที่สูงของประเทศนี้ส่วนใหญ่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติคำพิพากษาและนโยบายยาเสพติด[402] จากข้อมูลของกรมเรือนจำกลาง ผู้ต้องขังส่วนมากที่ถูกขังในเรือนจำกลางต้องโทษความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด[403] การโอนกิจการของรัฐเป็นของเอกชนซึ่งเรือนจำและราชการเรือนจำซึ่งเริ่มในคริสต์ทศวรรษ 1980 เป็นหัวข้อถกเถียง[404][405] ในปี 2008 รัฐลุยเซียนามีอัตราการกักขังสูงสุด[406] ส่วนรัฐเมนมีต่ำสุด[407] เศรษฐกิจ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ จีดีพีตามตัวเลข $18.
สหรัฐ - วิกิพีเดีย
August 27, 2015. สืบค้นเมื่อ August 27, 2017. ↑ Barnstone, Aliki; Manson, Michael Tomasek; Singley, Carol J. (August 27, 1997). "The Calvinist Roots of the Modern Era". UPNE. สืบค้นเมื่อ August 27, 2017 – โดยทาง Google Books. ↑ Holmes, David L. (May 1, 2006). "The Faiths of the Founding Fathers". Oxford University Press, USA. สืบค้นเมื่อ August 27, 2017 – โดยทาง Google Books. ↑ "Calvinism: The Spiritual Foundation of America". Geopolitica. ru.
8% ของจีดีพี แต่สหรัฐยังเป็นประเทศอุตสาหกรรม[433] สาขาธุรกิจชั้นนำตามรายการรับ (gross business receipt) ได้แก่การค้าส่งและปลีก ส่วนภาคการผลิตเป็นภาคที่มีรายรับสุทธิสูงสุด[434] ในแบบธุรกิจแฟรนไชส์ แมคโดนัลด์และซับเวย์เป็นยี่ห้อที่รู้จักกันแพร่หลายที่สุดในโลกสองยี่ห้อ โคคา-โคล่าเป็นบริษัทน้ำอัดลมที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีที่สุด[435] เคมีภัณฑ์เป็นสาขาการผลิตชั้นนำ[436] สหรัฐเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก และเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่สุดอันดับสอง[437] สหรัฐเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าและนิวเคลียร์อันดับหนึ่ง ตลอดจนแก๊สธรรมชาติเหลว กำมะถัน ฟอสเฟต และเกลือ แม้ว่าภาคเกษตรกรรมมีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของจีดีพี[433] แต่สหรัฐเป็นผู้ผลิตข้าวโพด[438] และถั่วเหลืองรายใหญ่สุดของโลก[439] สหรัฐเป็นผู้ผลิตและปลูกอาหารดัดแปรพันธุกรรมหลัก โดยคิดเป็นกึ่งหนึ่งของพืชไบโอเทคของโลก[440] การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีสัดส่วนเป็น 68% ของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2015[441] ในเดือนสิงหาคม 2010 มีแรงงานอเมริกัน 154.
↑ ""Nones" on the Rise: One-in-Five Adults Have No Religious Affiliation" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2014-06-29. สืบค้นเมื่อ 2017-10-15. ↑ "US Protestants no longer a majority – study". BBC News. ↑ "Mormons more likely to marry, have more children than other U. religious groups". May 22, 2015.
และผู้ว่าการดินแดน 5 คน มีรีพับลิกัน 2 คน เดโมแครต 1 คน ก้าวหน้าใหม่ 1 คนและอิสระ 2 คน ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ สหรัฐมีโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งได้รับการยอมรับ เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และนครนิวยอร์กเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ เป็นสมาชิกจี7[332] จี20 และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เกือบทุกประเทศมีสถานเอกอัครราชทูตในกรุงวอชิงตัน ดี.
8 ล้านตารางกิโลเมตร และประชากรราว 331 ล้านคน ทำให้สหรัฐมีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก[k] และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เมืองหลวงของประเทศคือ กรุงวอชิงตัน ดี. และนครใหญ่สุดคือ นครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ อินเดียนดึกดำบรรพ์จากยูเรเชียย้ายถิ่นมาแผ่นดินใหญ่ทวีปอเมริกาเหนือเมื่อ 15, 000 ปีก่อน การยึดเป็นอาณานิคมของยุโรปเริ่มในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สหรัฐกำเนิดจาก 13 อาณานิคมของบริเตนตามชายฝั่งตะวันออก ข้อพิพาทหลายครั้งระหว่างบริเตนใหญ่และอาณานิคมหลังสงครามเจ็ดปีนำสู่การปฏิวัติอเมริกาซึ่งเริ่มในปี 1775 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 1776 ผู้แทนจาก 13 อาณาเขตลงมติรับคำประกาศอิสรภาพเป็นเอกฉันท์ ขณะที่อาณานิคมกำลังต่อสู้กับบริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกา สงครามยุติในปี 1783 โดยราชอาณาจักรบริเตนใหญ่รับรองเอกราชของสหรัฐ และเป็นสงครามประกาศอิสรภาพต่อจักรวรรดิอาณานิคมยุโรปที่ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกด้วย[26][27][28] มีการลงมติรับรัฐธรรมนูญของประเทศในปี 1788 หลังบทบัญญัติสมาพันธรัฐ (Articles of Confederation) ซึ่งมีการลงมติรับในปี 1781 รู้สึกว่าให้อำนาจแก่สหพันธรัฐไม่เพียงพอ ในปี 1791 มีการให้สัตยาบันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสิบครั้งแรก ซึ่งเรียกรวมว่า รัฐบัญญัติสิทธิ ซึ่งออกแบบมาเพื่อประกันเสรีภาพพลเมืองพื้นฐานหลายข้อ สหรัฐเริ่มขยายดินแดนอย่างแข็งขันทั่วทวีปอเมริกาเหนือตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 19 ขับไล่เผ่าอเมริกันพื้นเมือง ซื้อดินแดนใหม่ และค่อย ๆ รับรัฐใหม่จนขยายทั่วทวีปในปี 1848[29] ระหว่างครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 สงครามกลางเมืองอเมริกานำให้ยุติความเป็นทาสตามกฎหมายในประเทศ[30][31] เมื่อถึงสิ้นศตวรรษนั้น สหรัฐขยายเข้ามหาสมุทรแปซิฟิก[32] และเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว[33] และกลายเป็นชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกในปี 1900 สงครามสเปน–อเมริกาและสงครามโลกครั้งที่หนึ่งยืนยันสถานภาพมหาอำนาจทางทหารโลกของสหรัฐ การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยจักรวรรดิญี่ปุ่นนำสหรัฐเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองโดยร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร ภายหลังสงครามยุติ สหรัฐและสหภาพโซเวียตได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นสองอภิมหาอำนาจโลกนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความขัดแย้ง เป็นผลให้เกิดสงครามเย็นซึ่งกินเวลาหลายทศวรรษ ทว่าไม่มีการสู้รบกันโดยตรง ทั้งสองชาติยังมีส่วนร่วมในการแข่งขันอวกาศนำไปสู่ต้นกำเนิดของอะพอลโล 11 ซึ่งนำมนุษย์เดินทางสู่ดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองซึ่งเริ่มต้นในทศวรรษ 1950 นำไปสู่การออกกฎหมายเพื่อล้มล้างกฎหมายของรัฐ และกฎหมายท้องถิ่นโดย จิม โครว์ รวมถึงขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อชาวแอฟริกันอเมริกัน การสิ้นสุดลงของสงครามเย็นและการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ส่งผลให้สหรัฐกลายเป็นรัฐอภิมหาอำนาจเดี่ยวของโลก[34] เหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน นำประเทศเข้าสู่สงครามต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งรวมถึงสงครามอัฟกานิสถาน และสงครามอิรัก สหรัฐเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐ ใช้ระบบสองสภาพร้อมด้วยระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมและใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด มีตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชน คุณภาพชีวิต รายได้และความมั่งคั่ง ความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และการศึกษาสูง มีการรับรู้การฉ้อราษฎร์บังหลวงต่ำ แต่มีระดับการกักขังและความเหลื่อมล้ำสูง สหรัฐเป็นประเทศเบ้าหลอมวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากการอพยพเข้าเมืองหลายศตวรรษ ภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ และสัตว์ป่าของประเทศยังมีความหลากหลายอย่างยิ่ง[35] โดยเป็นหนึ่งในสิบเจ็ดประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก สหรัฐถือเป็นประเทศพัฒนาสูง มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกตามอัตราจีดีพี โดยคิดเป็นอัตราส่วนถึงหนึ่งในสี่ของจีดีพีโลก สหรัฐประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลก และแม้มีประชากรรวมเพียง 4.
Congressional Research Service. สืบค้นเมื่อ February 18, 2011. 2. ↑ Kennedy, Paul (1989). The Rise and Fall of the Great Powers. New York: Vintage. 358. ISBN 0-679-72019-7 ↑ "The United States and the Founding of the United Nations, August 1941 – October 1945". Dept. of State, Bureau of Public Affairs, Office of the Historian. October 2005. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 12, 2007. สืบค้นเมื่อ June 11, 2007. ↑ "Why did Japan surrender in World War II? | The Japan Times".
02.00 น. กลุ่ม B : อังกฤษ - สหรัฐอเมริกา : สนามอัล เบย์ท สเตเดียม